ทุกครั้งที่ขับรถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอครับ สิ่งจำเป็นที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องมีก็คือการตั้งสติ เพราะว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ มีสิ่งสำคัญที่เราควรทำมากมายเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับเราในภายหลังครับ
1. หยุดรถทันทีที่มีการเฉี่ยวชนถ้าเราไม่หยุดรถทันทีในที่เกิดเหตุ อาจถูกมองว่าจงใจชนแล้วหนีได้เลยนะครับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ
2. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหากเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบทันทีครับ เพราะเจ้าหน้าที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้จบง่ายขึ้น และยังช่วยให้ทางบริษัทประกันสามารถนำข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ไปทำเรื่องเคลมประกันรถยนต์ได้เร็วขึ้นด้วยครับ
3. แจ้งบริษัทประกัน หลังแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่อด้วยบริษัทประกันเลยครับ ตัวแทนจากบริษัทประกันจะได้รีบเดินทางมาช่วยเก็บข้อมูลหลักฐาน พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ทำเรื่องเคลมประกัน และจะได้เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุได้เร็วขึ้นด้วยครับ
4. ถ่ายรูปและจดจำข้อมูลสำคัญ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนบริษัทประกันมา เราต้องอาจจะใช้เวลาส่วนนี้คอยถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงจดจำข้อมูลสำคัญเอาไว้ด้วยครับ เช่น ถ่ายรูปความเสียหายรถ ไปขอข้อมูลคู่กรณี จดเลขทะเบียน รุ่น และยี่ห้อรถ เวลาเกิดเหตุและสถานที่ หรือถ้ามีกล้องหน้ารถก็ต้องรีบเซฟเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานครับ เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อเคลมประกันรถยนต์ในภายหลังด้วยนะครับ
5. หาพยานในกรณีที่กล้องหน้ารถเสียหายจากอุบัติเหตุ เราอาจต้องขอความร่วมมือจากผู้เห็นเหตุการณ์ให้มาช่วยเป็นพยานฝ่ายเรา เพราะพยานก็สามารถใช้เป็นหลักฐานเคลมประกันได้เช่นกันครับ
จะเห็นได้ว่าหลังเกิดอุบัติเหตุแล้วมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะแยะเลย ถ้าเรามีสติไม่พออาจทำให้ลืมทำบางอย่างที่ส่งผลต่อคดีหรือการเคลมประกันได้เลยนะครับ ดังนั้นนอกจากจะต้องมีสติตอนขับรถแล้ว หลังเกิดอุบัติเหตุเราก็ควรมีสติให้ได้มากที่สุดเช่นกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์: sanook